เทศน์เช้า วันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
วันนี้วันสำคัญทางศาสนา ถ้าเราเป็นคนมีหลักมีเกณฑ์ เราจะเข้าใจถึงความสำคัญ อย่างเช่นเรามีบ้านอยู่ที่ไหน? เราจะไปไหนก็แล้วแต่เราต้องกลับบ้านเรา คนเรามีบ้านมีเรือนเป็นที่พึ่งอาศัย เรามีศาสนาเป็นที่ยึดของใจ ใจจะมีที่พึ่งที่อาศัยเพราะตัวเราเองมีศาสนา ถ้าเราไม่มีศาสนา เห็นไหม เราลอยลมเหมือนคนไร้บ้าน คนไม่มีหลักไม่มีเกณฑ์ ศาสนาก็คือศาสนา เราก็คือเรา ไม่เกี่ยวกัน
แต่ถ้าเราเป็นชาวพุทธเรามีศาสนา ศาสนาสอนให้เสียสละ เสียสละเพื่ออะไร? แต่ถ้าเป็นกิเลสมันไม่ยอมเสียสละ อย่างเช่นวันนี้เรามาเสียสละกัน เรามาทำบุญกุศล บุญกุศลคืออะไร? การเสียสละ ใจผู้ให้มันเบิกบาน ใจผู้รับ แล้วภิกษุเป็นผู้รับ ภิกษุเบิกบานไหม? ภิกษุเลี้ยงชีพด้วยปลีแข้ง การบิณฑบาตเลี้ยงชีวิต การเลี้ยงชีวิตเพื่ออะไร? เลี้ยงชีวิตไว้เพื่อประพฤติปฏิบัติ
เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าออกประพฤติปฏิบัติครั้งแรกเลย แล้วออกมาจากเมืองไปราชคฤห์ พระเจ้าพิมพิสารคิดว่ามีปัญหามา ให้กองทัพครึ่งหนึ่งให้ไปตีเอาเมืองคืน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอก ไม่ใช่ นี่ออกมาเพื่อแสวงหาโมกขธรรม ถ้าแสวงหาโมกขธรรมได้แล้วให้มาสอนด้วย เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมาแล้ว กลับไปสอนพระเจ้าพิมพิสารจนเป็นพระโสดาบัน
นี่สิ่งที่นักรบรบกับตรงนี้ไง นักรบรบเพื่อเอาชนะตนเอง เห็นไหม เราเสียสละจากภายนอก การเสียสละจากภายนอก สิ่งที่เป็นแก้ว แหวน เงิน ทอง สิ่งที่เป็นวัตถุเราเสียสละ กิเลสมันยังตระหนี่ถี่เหนียวเลย แต่เวลาเราไปอยู่คนเดียวนะ ความคิด ความเห็น ความผูกมัดของใจมันเสียสละได้ยาก เพราะความผูกมัดของใจมันทำให้เราทุกข์ไง
อดีต อนาคต มันมัดกับปัจจุบันนี้ ปัจจุบันนี้เราคือเรา แต่อดีต อนาคต สิ่งที่เสียใจมาจากอดีตมันก็มัดเราไว้ สิ่งเป้าหมายที่คิดข้างหน้า อนาคตมันก็มัดเราไว้ ถ้าอดีต อนาคต มัดเราให้เป็นอันเดียวกันมันจะเป็นวัฏวนไปเลย แต่ถ้าเป็นปัจจุบัน เห็นไหม ถ้าเป็นปัจจุบันเราถึงหาความสงบ เรามาเสียสละกัน เสียสละเพื่อเข้าวัดเข้าวา ให้จิตใจมันชุ่มชื่นชื่นบาน พอชื่นบานขึ้นมาแล้วเราต้องเอาความดีมากกว่านี้ เราต้องเอาความสงบของใจ ถ้าใจมันสงบได้ ทำไมมันถึงสงบได้ล่ะ?
ก่อนสงบได้ ดูสิเวลาน้ำเสีย เขาจะกำจัดน้ำเสียเขาต้องรีไซเคิลน้ำ เขาต้องดัดแปลงน้ำ น้ำสกปรกเขาทำให้น้ำเป็นน้ำสะอาดได้ จิตใจที่มันมีกิเลสในหัวใจ เราอยู่เฉยๆ จะให้มันสะอาดไปมันเป็นไปไม่ได้หรอก สิ่งที่มันจะสะอาดขึ้นมาได้เราต้องมีการกระทำใช่ไหม? ถ้าเรามีการกระทำ นี่สิ่งที่กระทำกระทำกับอะไร? แม้แต่ข้าวของ แก้ว แหวน เงิน ทอง ยังเสียสละไม่ได้
เวลาครูบาอาจารย์ของเรานะ บอกเดี๋ยวนี้คฤหัสถ์เขาคุยกันเรื่องนิพพาน แต่เส้นผมบนหัวเขายังเสียสละไม่ได้เลย ถ้าคนเสียสละ นี่เสียสละเพศไง เสียสละเพศของคฤหัสถ์ เสียสละเพศนักบวช ถ้าเสียสละเพศนักบวชมันจะมีโอกาสรบกับกิเลส เห็นไหม
เวลาของเรา อย่างโยมนี่ วันนี้วันสำคัญทางศาสนา ทางรัฐบาลเขาก็ให้เป็นวันหยุด ให้ไปทำบุญกุศลใช่ไหม? เวลาทำบุญกุศลเราไปทำบุญกุศลเป็นครั้งเป็นคราว แต่เวลาพระเราประพฤติปฏิบัติ ๒๔ ชั่วโมง เห็นไหม ทางของโยมทางคับแคบ คับแคบคือจะทำคุณงามความดี คุณงามความดีของการค้นหาใจนะ คุณงามความดีของเราอยู่ที่ไหนก็ทำได้ใช่ไหม?
นี่พ่อแม่ดูแลลูก ลูกเลี้ยงดูพ่อแม่ ลูกกตัญญูกตเวที ความดีที่ไหนก็ทำได้ แต่ความดีอย่างนี้มันทำแบบโลกๆ ไง แม้แต่สัตว์มันก็ทำได้ สัตว์มันก็รักลูกมัน สัตว์มันก็ดูแลครอบครัวของมัน นี่เวลาสัตว์มันก็ทำได้ แล้วเวลาว่ามนุษย์ประเสริฐกว่าสัตว์ ประเสริฐกว่าสัตว์ประเสริฐที่ไหนล่ะ?
ประเสริฐที่มนุสสเดรัจฉาโน กายเป็นมนุษย์ ใจเป็นสัตว์.. มนุสสเทโว กายเป็นมนุษย์ ใจเป็นเทวดา ใจเป็นเทวดาสิ เทวดาเพราะอะไร? เพราะมันดูแลเขา จิตใจมันเป็นสาธารณะ ใจมันเผื่อแผ่เขา เห็นไหม สิ่งนี้เป็นการเสียสละจากภายนอก นี่เวลารัฐบาลเขา วันสำคัญทางศาสนาเราก็มาทำบุญกุศลกันเป็นครั้งเป็นคราว แต่เวลาเราบวชแล้ว ๒๔ ชั่วโมงนะ ๒๔ ชั่วโมงเลย ทุกวินาทีเราจะมีสติตลอดไป
เวลาเราหายใจเราต้องหายใจอยู่ตลอดเวลา ถ้าเราขาดลมหายใจเราตายนะ จิตก็เหมือนกันมันสันตติ มันเกิดดับอยู่ตลอดเวลา มันขาดวรรคขาดตอนไม่ได้ แต่เราเอาสิ่งนี้ไปประกอบอาชีพทางโลก ไปแสวงหาทางโลก เราศึกษาทางโลก เราไปเอาสมบัติสาธารณะ สมบัติที่เราหามาเป็นปัจจัยเครื่องอาศัยไม่ใช่สมบัติของเรา
แต่เราเกิดมาเรามีสิทธิ เรามีสิทธิเป็นสาธารณะ ใครทำธุรกิจ ใครทำต่างๆ ใครทำหน้าที่การงานไม่มีผลตอบแทน ผลตอบแทนนั้นน่ะเราเอามาเลี้ยงชีวิต เห็นไหม สิ่งที่เลี้ยงชีวิตมันเป็นปัจจัยเครื่องอาศัย แต่ถ้าทรัพย์อันประเสริฐล่ะ? ทรัพย์ที่ติดไปกับจิตล่ะ? นี่ติดไปกับจิต เห็นไหม สิ่งนี้ดูสิ เวลาเราส่งไปรษณียภัณฑ์กัน เราฝากไปให้ถึงปลายทาง บุญกุศลมันก็ขับเคลื่อนไป เราอุทิศส่วนกุศลไปมันเป็นการฝากไป
แต่ในการประพฤติปฏิบัติ เราทำบุญกุศลมากขนาดไหน มันเหมือนเขื่อนกั้นน้ำไว้ กั้นน้ำไว้น้ำนั้นได้ใช้สอย น้ำก็คือน้ำ บุญกุศลที่เราสะสมไว้นะ คนทำบุญมากมายมหาศาลขนาดไหน ดูสิพระเจ้าอโศกมหาราชสร้างวัด ๘๔,๐๐๐ วัดนะ ไปถามอาจารย์ของตัวเองว่า เป็นญาติกับศาสนาหรือยัง?
อาจารย์บอก ยัง
ถ้าเป็นญาติศาสนาต้องเอาเครือญาติ เอาสายเลือดมาบวชในศาสนา เห็นไหม ถึงได้เอาพระมหินท์ที่มาบวช นี่บวชเป็นเครือญาติศาสนา
เครือญาติศาสนาแต่ยังไม่ได้เป็นศาสนา! แต่ถ้าการประพฤติปฏิบัติ ตัวเราเป็นศาสนา ดูสิ พุทธ ธรรม สงฆ์ รวมลงที่ใจ ตัวใจเป็นตัวพุทธะ ตัวพุทธะขณะนี้ ความรู้สึกอันนี้มันเป็นธรรม เห็นไหม เป็นธรรมแต่ทำไมมันทุกข์ล่ะ? มันเป็นธรรมแต่มันมีอวิชชาครอบงำ มันมีพญามารครอบงำไว้ไง ครอบงำสิ่งที่เป็นพุทธะในหัวใจเรานี่แหละ ทุกคนมีสิทธิ เพราะทุกคนมีพุทธะ ทุกคนมีผู้รู้ ความรู้สึกอันนี้เป็นสสารที่มีชีวิต
ดูสิสสารที่ไม่มีชีวิตเขาก็ทำลายมันได้ใช่ไหม? แต่สสารที่มีชีวิตทำลายไม่ได้ ทำลายแล้วมันก็เกิดใหม่ มันทำลายไม่ได้ มันถึงมีการเวียนตายเวียนเกิด จิตตัวนี้ไม่เคยตาย แต่สถานะของมนุษย์ตาย เพราะมันเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดเป็นสัตว์ เกิดเป็นพรหม นี่มันตาย มันเป็นวาระ วาระที่ไปแสวงเป็นสถานะมันต้องตาย ทีนี้เรามีศาสนา เราเชื่อศาสนา เราถึงทำบุญกุศลเพื่อให้ดีไปไง
สิ่งที่ดีเราก็มีบุญกุศลไป เห็นไหม เกิดมาแล้วประสบความสำเร็จ ดูสิคนมีบุญเกิด คนมีบุญเกิดนี่มีคนดูแล มีคนคุ้มครอง มีคนรักษา นี่คนมีบุญเกิด.. คนทุกข์เกิด พอเกิดมาเขาเอาไปทิ้งถังขยะนะ เกิดเหมือนกันเลย พ่อแม่มีความคิดเป็นมิจฉาทิฏฐิ เอาลูกตัวเองไปทิ้ง เอาลูกตัวเองไปให้คนอื่น ไม่ดูแลรักษา เห็นไหม นี่เกิดเหมือนกัน แต่บุญพาเกิดกับบาปพาเกิด แล้วจิตมีสิทธิเหมือนกัน เหมือนกันเลยกรรมพาเกิด
นี่สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม เราทำดี เวลาทำดีขึ้นมาเราน้อยเนื้อต่ำใจ ทำดีแล้วไม่เห็นได้ดีเลย ทำดีต้องได้ดีเรารู้อยู่ แต่สิ่งที่ยังไม่ได้ดีเพราะมันเป็นวาระ มันเป็นกาลเทศะ เพราะสิ่งที่เราทำมามันไม่ใช่ทำมาหนเดียว ดูสิอาหารนี่กินทุกวันๆ มื้อแรกที่กินนี่อร่อยมากเลย ทำไมมื้อต่อๆ ไปมันชินชาล่ะ? มันชินชานี่กิเลสมันเริ่มเข้ามาแล้ว
นี่ก็เหมือนกัน ในการประพฤติปฏิบัติ เริ่มต้นศรัทธามาก เริ่มต้นศรัทธา ตั้งใจมาก ตั้งใจแล้วทำไมทำไม่ถึงที่สุดล่ะ? ไม่ถึงที่สุด นี่ไงเพราะว่าการประพฤติปฏิบัติกิเลสไง มารๆ มารต้องการสะดวกสบาย มารมันคาดมันหมาย มารมันพอใจของมัน มารมันบงการของมัน มารมันบงการ มารคือใคร? มันเป็นนามธรรม มันเป็นกิเลสในหัวใจ มันเกิดดับในหัวใจของเรา
นี่มันเกิดนะ เกิดจากฐีติจิต เกิดจากจิตเดิมแท้นี้ผ่องใส จิตเดิมแท้นี้หมองไปด้วยอุปกิเลส จิตเดิมแท้นี้ผ่องใสคือพุทธะในหัวใจของเรา พุทธะในหัวใจของเรามันมีอยู่ แต่สิ่งที่มันปกคลุมไว้ไงเราถึงต้องมาปฏิบัติ ในศาสนา เห็นไหม ความสงบจากภายนอก ความสงบจากภายใน การทำบุญกุศลของเราเป็นกาล เป็นเวลา เป็นชาวพุทธมันก็ยังมีโอกาสนะ ถ้าเรามีศรัทธา มีความเชื่อเราต้องแสวงหาของเรา แสวงหาความชุ่มชื่นของใจ
บุญคือความพอใจ บุญคือในครอบครัวมีความร่มเย็นเป็นสุข เวลาครอบครัวยิ้มแย้มแจ่มใสนั่นคือบุญ บุญไม่ใช่ตัวเลขนะ บุญไม่ใช่กระดาษนะ กระดาษนั้นน่ะถ้าใจเราดีเราแสวงหามันเป็นประโยชน์มาก แต่ถ้าใจเราขุ่นมัว กระดาษหามามันเผาลนเรานะ กระดาษนั้นเผาลนเรา บุญคือความอิ่มใจ บุญคือความพอใจ แล้วเป็นอย่างไร? มันเกิดขึ้นมาได้ไหม?
ดูสิศีลธรรม วัฒนธรรม เด็กๆ เราจะปลูกฝังมัน เราจะทำอย่างไรให้จิตใจเขาดี ทำให้จิตใจเขาประเสริฐ ทำให้จิตใจเขาเป็นสาธารณะ นี่ไงมันฝึกกันมาอย่างนี้ไง แล้วมันเป็นเม็ดใน เม็ดในคือตัวจิต ตัวจิตที่เกิด ดูสิมันมีสถานะของมัน ทำไมลูกเราบางคนนิสัยดี บางคนนิสัยเกเร บางคนนิสัยพอไปได้ มันเป็นการฝึกฝน
นี่ไงอยู่ที่การเสียสละ เราบังคับตัวเอง เพราะไม่บังคับก็อันหนึ่งนะ แล้วเราบังคับตัวเราเองเพราะเราเชื่อ เราศรัทธาของเรา เราบังคับอันหนึ่ง แล้วเวลาเราประพฤติปฏิบัตินี่ ดูสินั่งเฉยๆ นั่งเฉยๆ ไม่กระดิกเลยเราบังคับตัวเราเอง เราพอใจมันถึงนั่งใช่ไหม? ถ้าเราไม่พอใจเราจะนั่งทำไม? เราอยู่ตัวคนเดียวไม่มีใครรู้กับเรา เราจะนอนขนาดไหน เราจะทำอย่างไรก็ได้ แต่เพราะเราเชื่อ เราศรัทธา
ความเชื่อ ความศรัทธา ความเชื่อฆ่ากิเลสไม่ได้ แต่ความเชื่อเป็นหัวรถจักรดึงให้เรามาประพฤติปฏิบัติได้ ความเชื่อของเรา ความเชื่อในศาสนานะ ความเชื่อเป็นอริยทรัพย์ของสัตว์โลก ถ้าไม่มีความเชื่อนะ ไม่มีความเชื่อ เห็นไหม ทำบุญทำไม? ไปให้เขาทำไม? ให้เขาทำไม? ก็ให้นักบวช ให้สมณะ สมณะเป็นผู้ที่ไม่ประกอบสัมมาอาชีวะ ไม่มีการแข่งขันแล้วไง เป็นผู้ที่ออกมาจากโลกแล้วไง
ถ้าสมณะนะ สมณะผู้ทรงธรรม ผู้มีศีลมีธรรมขึ้นมา นี่เป็นเนื้อนาบุญของโลก ถ้าเป็นเนื้อนาบุญของโลกนะ ถ้าจิตใจมันประเสริฐขึ้นมา เนื้อนาบุญเราหว่านพืชผลเข้าไป เห็นไหม เราจะเก็บเกี่ยว ตักตวงผลประโยชน์ทั้งหมดเลย แล้วเนื้อนามันได้อะไร? มันได้เศษฟาง เศษไม้ที่เขาทำตกหล่นไว้กับเนื้อนาไง
นี่ก็เหมือนกัน ทำบุญกับพระ ทำบุญกับพระ แล้วพระได้อะไร? พระมีแต่ตักตวง ไม่ใช่ตักตวงหรอก พระไม่ตักตวง เพราะพระเองพระต้องอยากเอาตัวรอด พระเองก็อยากเอาใจรอด สิ่งนี้มันเป็นเครื่องล่อ ถ้ามันเป็นเครื่องล่อนะ ถ้ามันไม่มีปฏิสังขาโย ไม่มีสติสัมปชัญญะดูแล
นี่สัปปายะ ๔ อาหารเป็นสัปปายะ.. อาหารเป็นสัปปายะหมายความว่าอย่างไร? อาหารเป็นสัปปายะคือว่ากินเข้าไป ฉันเข้าไปแล้วมันไม่เป็นโทษ มันไม่เป็นการสะสมให้ร่างกายนี้มันมีกำลังขึ้นมาทับหัวใจ.. ทับหัวใจนะ คนเรากินมาก อยู่มาก นอนมาก มันจะขี้เกียจ มันจะไม่ทำสิ่งใดเลย แล้วถ้าภิกษุไม่มีปัญญาขึ้นมา นี่คือว่ามันเป็นฟาง มันเป็นเศษฟาง เศษมันที่ตกอยู่
มันเป็นโอกาสของเราเป็นชาวพุทธ ถ้ามีภิกษุ มีพระที่เราเชื่อถือศรัทธา เราจะมีการทำบุญกุศลของเรา ใจเราจะมีการเสียสละ มันมีการฝึกฝนไง นี่เป็นบริษัท ๔ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เห็นไหม วงจรของศาสนาที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางไว้แล้วมันจะหมุนของมันไป หน้าที่ของใครก็ทำหน้าที่ของตัวให้เต็มที่ ถ้าทำหน้าที่ของตัวให้ดี ทำใจของตัวให้ดี มันจะย้อนกลับมาหาเรา มันจะเห็นประโยชน์ของเรา
เห็นหัวใจนี่แหละ เห็นความรู้สึกนี่แหละ สิ่งที่ทำไปมันเป็นการฝึกฝน มันเป็นสัพเพ ธัมมา อนัตตา มันเป็นวิธีการดำเนิน ดำเนินไปเพื่อให้หัวใจมันหลุดพ้น ถ้าหัวใจไม่หลุดพ้นนะ อยู่เฉยๆ จะหลุดพ้น อยู่ดีๆ จะปล่อยวางเป็นไปไม่ได้หรอก นี่น้ำเสีย ถ้าไม่มีการรีไซเคิลน้ำ มันก็เสียอยู่อย่างนั้นแหละ แต่ถ้ามีสติ มีปัญญาเข้าไปใคร่ครวญมัน เข้าไปรักษามัน เห็นไหม
นี่ศาสนาประเสริฐที่นี่ ศาสนาประเสริฐที่ไหน? เจริญที่ไหน? เจริญในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เจริญในใจของสัตว์โลก เจริญในใจคือสิ่งที่คิดดี คุณงามความดี คิดดี ทำดี ใจสงบดี แล้วเสียสละดี ไม่มีการแก่งแย่ง ไม่มีการชิงดีชิงเด่นกัน
นี่ศาสนาเจริญ เจริญตรงนี้! เจริญในหัวใจของเรา ไม่ใช่เจริญในตำรา ไม่ใช่เจริญในวัตถุหรอก มันเจริญที่ความรู้สึกของคน ถ้าคนใจมันดีนะ ครูบาอาจารย์ที่ใจเขาดี เขาจะพัฒนาขึ้นมาเป็นสิ่งที่ดี ดูหลวงตาเราสิ เห็นไหม นี่คนจนผู้ยิ่งใหญ่ มีบริขาร ๘ แต่หาเงินให้โลกเป็นหมื่นๆ แสนๆ ล้าน เรามีปัญญาทำอย่างนั้นไหม?
นี่มันเกิดมาจากไหน? ก็เกิดจากใจที่ดีไง ถ้าใจที่ไม่ดีมันทำไม่ได้หรอก ใจที่ไม่ดี มันมีสิ่งเร้า สิ่งล่อ เห็นไหม บ่วงของมาร.. รูป รส กลิ่น เสียง เป็นบ่วงของมาร เป็นพวงดอกไม้แห่งมาร แล้วเอาสิ่งที่เป็นพวงดอกไม้แห่งมารมาบูชามัน ทำไมกิเลสมันจะไม่ฟู แต่ถ้าเราบังคับของเรา เราดูแลของเรา สิ่งใดถ้ามีมากเกินไปมันเสียคนทั้งนั้นแหละ นี่เด็กเราถึงว่ามีมาก เราก็ต้องให้มันใช้พอประมาณ มีมากให้ใช้มากไม่ได้ เด็กมันเสียเด็ก เด็กต้องให้มันรู้จักหาของมัน
เราก็เหมือนกัน จิตใจที่เราอ่อนแอ จิตใจที่เราภาวนายังไม่เป็น จิตใจที่เราไม่มีหลักมีเกณฑ์นี่มันอ่อนแอ มันเจอสิ่งใดมันก็เรรวนไปทั้งนั้นแหละ มันถึงต้องมีสติ เห็นไหม ขอนิสัยๆ ขอนิสัยครูบาอาจารย์เพื่ออะไร? ขอนิสัยก็เพื่อดัดแปลงตนไง ดัดแปลงให้นิสัย นิสัยเราทำไม่ได้เราก็อาศัยครูบาอาจารย์ไปก่อน ถ้าถึงที่สุดแล้วถ้าเราพัฒนา เรามีสติ เรามีการรักษา มันโตได้ มันโตได้นะ
ศาสนทายาท เห็นไหม มันจะมีทายาทต่อๆ ไป ทายาทโดยธรรมหรือทายาทโดยกิเลสล่ะ? ทายาทโดยธรรมหรือทายาทโดยมารล่ะ? ถ้าเราศึกษา ศาสนามีการตรวจสอบกัน ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกานี่ดูแลกัน รักษากัน แล้วศาสนาเราจะมีที่พึ่งอาศัย ใจเราก็มีที่พึ่งอาศัย ปรึกษากัน ธัมมสากัจฉา เอตัมมังคลมุตตมังไง
พูดธรรมเป็นกาล เป็นเวลา มันสะเทือนหัวใจ มันกะเทาะสิ่งที่กิเลสมันจะเกาะใจ นี่พูดธรรมกันเป็นกาล เป็นเวลา ธัมมสากัจฉา เอตัมมังคลมุตตมัง ฟังธรรมเป็นกาล เป็นเวลานะ ที่สุดของการฟังธรรมคือการเข้าใจ จิตใจผ่องแผ้ว เห็นไหม นี่คือการฟังธรรม
วันนี้วันสำคัญทางศาสนา ถ้าวันสำคัญทางศาสนา ถ้าเราเข้าใจถึงชีวิตเรา นี่ชีวิตเรามีคุณค่า เห็นไหม ศาสนาเจริญที่เรา เราเป็นชาวพุทธ เราเสียสละ เราทำทาน ศีล ภาวนา ตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอน นี่ชีวิตเรามีคุณค่า ศาสนาเจริญที่นี่! ทุกอย่างเจริญ สังคมจะเจริญหมด ถ้าเราเจริญแล้ว สังคมเจริญหมดเลย ไม่ต้องไปห่วงใคร เอาเราให้อยู่ก่อน เอาเราให้ได้ก่อน แล้วจะเป็นประโยชน์กับเรา เอวัง